ขวดแก้วรีไซเคิล
ไม่ว่าจะเป็นเครื่องดื่มหรือเครื่องปรุงรสต่างๆ บรรจุภัณฑ์ที่หลายแบรนด์เลือกใช้ในท้องตลาดโดยทั่วไปก็มักจะเลือก ขวดแก้ว เป็นส่วนใหญ่ ซึ่งวัสดุแก้วนั้นเป็นสารอนินทรีย์มีส่วนประกอบหลักคือทรายแก้ว, หินปูนบริสุทธิ์, โซเดียมคาร์บอเนต, เศษแก้วและสารที่ใช้เป็นตัวฟอกสี โดยวัตถุดิบเหล่านี้สามารถหาได้ภายในประเทศจึงทำให้มีต้นทุนถูกกว่าวัสดุชนิดอื่นๆ อย่างพลาสติกที่ต้องนำเข้าจากต่างประเทศ แม้การเลือกใช้บรรจุภัณฑ์ที่เป็นแก้วจะได้รับความนิยมเพราะมีราคาถูก, สามารถทนต่ออุณหภูมิสูง และไม่ทำปฏิกิริยาทางเคมีใดๆ กับผลิตภัณฑ์ภายในจึงมีความปลอดภัยสูงสำหรับผู้บริโภค นอกจากนั้นก็ยังช่วยส่งเสริมให้ผลิตภัณฑ์ดูมีมูลค่ามากขึ้น ที่สำคัญก็คือเป็นวัสดุที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมเพราะสามารถทั้งนำกลับมาใช้ซ้ำได้หรือนำไปเข้ากระบวนการรีไซเคิลเพื่อผลิตซ้ำและนำกลับมาใช้ใหม่ได้แล้วนั้น แต่ ขวดแก้ว ก็มีข้อด้อยในเรื่องของความเปราะบางแตกหักง่ายและมีน้ำหนักมาก จึงไม่สะดวกในการขนส่งขนย้ายจึงทำให้มีค่าใช้จ่ายในขนส่งสูงกว่าปกติ จนผู้ประกอบการหลายเจ้าเลือกที่จะใช้ขวดหรือบรรจุภัณฑ์ที่เป็นพลาสติกแทน เพราะมีน้ำหนักเบา ทนต่อแรงกระแทกและมีราคาไม่แพง
แต่ในปัจจุบันที่คนรุ่นใหม่เริ่มหันมาใส่ใจสิ่งแวดล้อมกันมากขึ้น การทำกิจกรรมในชีวิตประจำวันหรือธุรกิจใดๆ ผู้คนก็เริ่มตระหนักถึงการลดการใช้พลังงานสิ้นเปลือง รวมถึงลดการสร้างขยะให้กับโลก การใช้ ขวดแก้ว จึงเป็นอีกทางเลือกหนึ่งในการลดขยะให้กับโลกได้เป็นอย่างดี ที่ถึงแม้จะไม่สามารถย่อยสลายได้เองตามธรรมชาติ แต่ก็สามารถนำกลับล้างทำความสะอาดเพื่อใช้ประโยชน์ซ้ำและสามารถนำมารีไซเคิลได้ แต่ก็ใช่ว่าขวดที่ทำจากแก้วทุกอย่างจะสามารถนำรีไซเคิลได้ 100%
ก่อนจะมาเป็น “ขวดแก้ว”
ขวดหรือบรรจุภัณฑ์ที่ทำมาจากแก้วนั้น เกิดจากกระบวนการหลอมและทำให้เย็นลงของแร่และวัตถุดิบทางเคมีต่างๆ อาทิ ทรายแก้ว, หินปูนบริสุทธิ์, โซเดียมคาร์บอเนต, เศษแก้วและสารออกไซด์แต่งสีหรือออกไซด์ของสารให้ความกระจ่าง โดยแก้วนั้นเป็นวัสดุเก่าที่สุดที่มนุษย์ประดิษฐ์ขึ้นมา เพราะมีหลักฐานปรากฏว่ามีการใช้วัสดุแก้วนั้นมามากกว่า 2,500 ปี โดยสันนิษฐานว่ากระบวนการหลอมแก้วนั้น น่าจะเกิดครั้งแรกที่ตะวันออกกลางหรือในประเทศแถบเมดิเตอร์เรเนียน และได้พัฒนารูปลักษรืและรูปทรงเพื่อใช้งานทั้งเป็นภาชนะใส่อาหาร เครื่องดื่ม ไปจนถึงการเป็นบรรจุภัณฑ์ที่ใช้ประโยชน์กันจนทุกวันนี้
“ขวดแก้ว” แบบไหนบ้างที่สามารถรีไซเคิลได้
- ขวดเครื่องปรุง (ถอดฝาออก)
- ขวดน้ำอัดลม
- ขวดเบียร์
- ขวดโซดา
- ขวดครีม, น้ำหอม
เนื่องจากหลายคนอาจจะยังสับสนระหว่างแก้วกับกระจกแก้วซึ่งไม่สามารถรีไซเคิลได้ เช่น บานหน้าต่าง, หลอดไฟ, จอมอนิเตอร์ของโทรทัศน์หรือคอมพิวเตอร์ ไปจนถึงแว่นตา ซึ่งหากยังสภาพดีอยู่การนำไปบริจาคให้แก่มูลนิธิหรือคนไปใช้ต่อก็เป็นการลดขยะให้กับโลกได้เช่นกัน
กระบวนการรีไซเคิล “ขวดแก้ว” มีอะไรบ้าง?
- รวบรวมผลิตภัณฑ์จากแก้วและขวดต่างๆ : เมื่อขยะจากที่ต่างๆ ถูกรวมเข้าไว้ในที่เดียวกัน ไม่ว่าจะเป็นขยะทั่วไปหรือขยะที่สามารถรีไซเคิลได้จะต้องเข้าสู่กระบวนการคัดแยกขยะอีกครั้งหนึ่ง เพราะอย่างที่ทราบกันดีว่าบางครั้งผู้บริโภคต่างๆ ก็มีความเข้าใจผิดเกี่ยวกับขยะที่รีไซเคิลได้หรือไม่ได้อยู่ ฉะนั้นเมื่อรวบรวมขวดหรือขยะต่างๆ ได้แล้วจะต้องนำมาคัดแยกอีกครั้งหนึ่ง และเมื่อแยก ขวดแก้ว ที่สามารถรีไซเคิลได้แล้วก็จะต้องนำมาแยกฝาและฉลากสินค้าที่ติดมากับขวดออกก่อน
- คัดแยกขวดแก้วตามประเภทของสี คือ สีใส สีชา สีเขียวและสีอื่นๆ : นอกจากจะแยกสีของขวดต่างๆ แล้ว ในขั้นตอนนี้ยังจำแนกสภาพของของขวดที่สามารถรีไซเคิลได้ด้วย โดย ขวดแก้ว ที่สภาพสมบูรณ์ไม่แตกหักหรือบิ่นเสียหาย จะถูกนำไปล้างทำความสะอาดและนำกลับมาใช้ใหม่ ส่วนขวดที่สภาพไม่สมบูรณ์ที่ถูกคัดแยกสีแล้ว จะถูกนำไปกระบวนการบดละเอียดต่อไป
- ทำความสะอาดและบดย่อยขวดแก้ว : เมื่อผ่านกระบวนการแยกสีและคัดเอาขวดที่สภาพดีกับขวดที่แตกหักเสียหายออกจากกันแล้ว จะนำไปทำความสะอาดอีกครั้ง จากนั้นจะนำ ขวดแก้ว ที่สภาพไม่สมบูรณ์ไปบดย่อยจนละเอียด เมื่อบดแล้วจะแบ่งออกเป็น 2 กลุ่มสี คือโปร่งใสและสี โดยอัตโนมัติ จากนำเข้าสู่กระบวนการต่อไป
- นำไปผ่านตะแกรงร่อน เพื่อกำจัดสิ่งปนเปื้อนออก : เศษแก้วผ่านการบดละเอียดแล้วจะนำเข้าสู่กระบวนการร่อนบนตะแกรงเพื่อกำจัดเศษเหล็กและโลหะชนิดอื่นๆ ออกด้วยเครื่องแยกแม่เหล็ก (Eddy Current Separator)
- นำไปหลอมละลายในเตาหลอมเหล็ก : ขั้นตอนต่อจากการแยกเศษแก้วที่บดแล้วและทำการแยกโลหะเรียบร้อย ก็จะนำเข้าเตาหลอมแก้วแต่ละสี เพื่อหลอมและขึ้นรูปเป็นขวดใหม่นั่นเอง
ขวดแก้วเมื่อรีไซเคิลแล้วนำไปใช้ทำอะไรได้บ้าง?
- นำไปใช้เป็นบรรจุภัณฑ์แก้วสำหรับอาหาร ยาและเคมี
- หลอดฟลูออเรสเซนต์และโคมไฟ
- ส่วนประกอบของหลอดไฟประหยัดพลังงาน
- เครื่องแก้วตกแต่งบ้าน
- ใยแก้ว เพื่อนำไปผลิตฉนวนป้องกันความร้อน, ฉนวนไฟฟ้า, งานเสริมแรง หรืออุปกรณ์กีฬา เช่น ก้านไม้กอลฟ์, คันเบ็ดตกปลา, รถแข่ง หรือชุดแต่งมอเตอร์ไซด์ เป็นต้น
กระบวนการรีไซเคิลแก้วประกอบด้วยอะไรบ้าง?
กระบวนการรีไซเคิลแก้วเริ่มต้นด้วยความจำเป็นในการจัดเรียงล่วงหน้าและจัดส่งภาชนะแก้วไปยังโรงงานต่างๆ เช่น Selective Municipal Waste Collection Point (PSZOK) จากนั้นแก้วจะไปที่ห้องคัดแยก ของเสียที่เป็นโลหะ รวมถึงปลั๊ก ฝาปิด หรือฝาปิด จะถูกลบออกบนสายพานลำเลียงที่ติดตั้งเครื่องแยกแม่เหล็กไฟฟ้า พนักงานในพื้นที่คัดแยกจะเลือกสิ่งของและวัตถุดิบที่ไม่จำเป็นทั้งหมดที่ไม่เหมาะสำหรับการรีไซเคิลแก้ว (โดยปกติ ได้แก่ ถุงฟอยล์หรือถุงกระดาษ เป็นต้น) วัตถุดิบจะถูกโอนไปยังเครื่องบดย่อย เมื่อบดแล้วจะแบ่งออกเป็น 2 กลุ่มสีโดยอัตโนมัติ: โปร่งใสและสี ในที่สุด cullet ไปถึงโรงงานหลอม ซึ่งผ่านขั้นตอนการประมวลผลเพิ่มเติมหลายประการ เช่น:
- บดซ้ำ,
- การทำความสะอาดแบบรวม,
- หลอมละลายในเตาหลอมเหล็ก,
- การก่อตัวของผลิตภัณฑ์แก้วใหม่
แก้วประเภทใดบ้างที่รีไซเคิลได้?
ทุกวันนี้ ถังขยะสีเขียวสำหรับเก็บขยะแก้วที่คัดสรรมานั้นเป็นสิ่งที่พบเห็นได้ทั่วไปในนิคมอุตสาหกรรมและบริษัทในโปแลนด์ สิ่งที่คุณจะโยนลงในถังขยะสีเขียวแล้ว? รายชื่อของเสียที่บรรจุอยู่ในนั้นค่อนข้างสั้นและรวมถึง:
- ขวดอาหาร (ถอดฝาออก)
- ขวดเครื่องดื่ม,
- บรรจุภัณฑ์เครื่องสำอาง (ขวดครีมและน้ำหอม)
แก้วบางชนิดไม่สามารถรีไซเคิลได้ และรวมถึงบานหน้าต่าง กระจก ของใช้คริสตัล หลอดไฟ โคมไฟที่เปื้อนขี้ผึ้ง เครื่องใช้บนโต๊ะอาหาร โป๊ะโคม จอมอนิเตอร์ และขวดที่บรรจุยาหรือสารอื่นๆ แว่นตายังจัดอยู่ในประเภทขยะผสม แทนที่จะทิ้งลงในถังขยะ
การรีไซเคิลแก้ว – คุ้มค่ากับความพยายามหรือไม่? ข้อดีของการแปรรูปเศษแก้ว
เราควรคัดแยกและแปรรูปกระจกใหม่หรือไม่? การรีไซเคิลแก้วคือการลงทุนที่คุ้มค่าแน่นอน! การนำขยะแก้วกลับมาใช้ใหม่ทำให้เราประหยัดทรัพยากรธรรมชาติ ทรัพยากรเหล่านี้รวมถึงทราย การสกัดซึ่งกัดเซาะดินและทำลายระบบนิเวศในท้องถิ่น สิ่งที่ควรค่าแก่การเอาใจใส่เป็นพิเศษคือแก้วที่ผ่านการอบชุบด้วยความร้อนในเตาหลอมต้องใช้อุณหภูมิที่ต่ำกว่าแก้วใหม่ในระหว่างการผลิต สิ่งนี้ให้ประโยชน์อะไรกับเรา? ด้วยวิธีนี้ โรงงานหลอมจะใช้พลังงานน้อยกว่ามากในการทำความร้อนและใช้งานเตาหลอมอย่างมีประสิทธิภาพ ความคุ้มค่าของการรีไซเคิลแก้วยังสัมพันธ์กับความจริงที่ว่าเป็นหนึ่งในวัตถุดิบไม่กี่ชนิดที่สามารถแปรรูปซ้ำได้หลายวิธี ไม่เหมือนกับเยื่อกระดาษหรือพลาสติก เนื่องจากแก้วจะไม่สูญเสียคุณสมบัติใดๆ ในระหว่างรอบการประมวลผลที่ตามมาในแต่ละรอบ วัสดุแก้วที่นำกลับมาใช้ใหม่ยังปลอดภัยต่อสิ่งแวดล้อมอย่างสมบูรณ์ และไม่ปล่อยสารอันตรายหรือกลิ่นที่ไม่พึงประสงค์ใดๆ
แก้วรีไซเคิลใช้ทำอะไร?
ประโยชน์อีกประการหนึ่งของแก้วรีไซเคิลคือการใช้งานที่หลากหลาย มีความเข้าใจผิดว่าแก้วจากถังขยะสีเขียวใช้สำหรับการผลิตขวดสำหรับเครื่องดื่มหรือน้ำหอมเท่านั้น โรงงานผลิตแก้วและโรงงานผลิตเฉพาะทางใช้แก้วมวลรวมในการผลิตรายการต่างๆ เช่น
- บรรจุภัณฑ์แก้วสำหรับอุตสาหกรรมอาหาร ยา และเคมี (ขวด ขวดแก้ว จาน)
- ส่วนประกอบหลอดไฟประหยัดพลังงาน,
- องค์ประกอบของโคมไฟ หลอดฟลูออเรสเซนต์ โป๊ะโคม
- เครื่องแก้วตกแต่ง,
- ใยแก้ว,
- ใยแก้ว,
- ฉนวนลูกปัดแก้ว,
- เศษไม้ประดับสวน
การรวมแก้วเป็นหนึ่งใน วัตถุดิบรอง ที่มีแนวโน้มมากที่สุดในปัจจุบันอย่างไม่ต้องสงสัย นักวิทยาศาสตร์ยังคงมองหาคำตอบสำหรับคำถามที่ว่าแก้วคัลเล็ตสามารถผลิตอะไรได้บ้าง และควรใช้ผลิตภัณฑ์กึ่งสำเร็จรูปนี้อย่างไร แก้วรีไซเคิลเป็นที่สนใจของตัวแทนในอุตสาหกรรมวัสดุก่อสร้าง ฉนวน ไฟ การตกแต่งบ้าน และบรรจุภัณฑ์ที่มองหาโซลูชันใหม่ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม